12.08.2556

6 ธ.ค. 56 เข้ารพ.


อายุครรภ์ : 33 สัปดาห์
   วันนี้ (5 ธ.ค. 56) หลังจากกลับจากห้างฯเพื่อซื้อผ้าห่มผืนใหม่ให้น้องและข้าวสาร พิมมีอาการ..
มีอาการปวดตรงต้นขาจี๊ด ไม่ว่าจะเปลี่ยนท่านั่งหรือเดินก็ไม่หาย ต้องรอให้หายไปเอง
มีความรู้สึกเหมือนอวัยวะเพศบวมและรู้สึกเจ็บๆตุงๆเวลาเดิน แต่เมื่อลองก้มดูแล้วไม่ได้มีอาการบวมดังกล่าว
- มีอาการปวดบริเวณกลางท้องลงมาถึงหัวเหน่า และท้องแข็ง แต่ขณะที่ปวดลูกก็ดิ้นอยู่ด้วย และจะเป็นๆหายๆอาการปวดอยู่ไม่นานประมาณ 4-5 วินาที
- มีอาการมึนศรีษะแม้ว่าจะนั่งเฉยๆก็ตาม
- มีน้ำใสๆไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไหลออกมาจากช่องคลอดแต่ไม่ถึงกับเลอะกางเกงใน แค่ให้ความรู้สึกเหมือนมีน้ำไหลจากข้างใน ต้องเอานิ้วเข้าไปจับดูถึงจะรู้ว่ามีน้ำไหลออกมา
โดยอาการพวกนี้เกิดตอนประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง แต่พิมลองค้น Google ดูแล้วเห็นว่าเป็นอาการเจ็บท้องเตือน และยังไม่มีมูกเลือดหรือน้ำเดิน ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรง และมีอาการอีกในวันรุ่งขึ้น (6 ธ.ค. 56) ตอนเวลาประมาณ 9.30 น.แต่ถี่ขึ้น สุดท้ายพิมจึงตัดสินใจลองโทรฯไปสอบถามกับทางรพ.ดู ทางรพ.แจ้งว่าควรมาพบแพทย์ดีกว่า เพราะไม่แน่ใจว่าน้ำใสๆที่ว่าเป็นน้ำคร่ำรั่วหรือไม่ พิมจึงตัดสินใจเดินทางไปรพ.
   เมื่อไปถึงรพ.พิมยื่นใบฝากครรภ์ให้พี่พยาบาลที่ตึกอุบัติเหตุ จากนั้นพี่พยาบาลก็เรียกรถเข็นมาให้ แล้วสอบถามเราว่า ต้องการคลอดธรรมดา หรือคลอดพิเศษ ซึ่งพิมตอบว่า คลอดพิเศษ (ก่อนหน้านี้ปรึกษากับวิทตี้แล้ว) จากนั้นบุรุษพยาบาลก็ให้นั่งรถเข็นและถือแฟ้มไปยังตึกพระศรีฯชั้น 8 หน้าห้องคลอด เมื่อไปถึงแล้วก็มีพยาบาลมาเปิดประตูห้องคลอดรอ ทำการชั่งน้ำหนัก ถามส่วนสูง และให้เปลี่ยนรองเท้า จากนั้นก็นั่งรถเข็นไปยังห้องคลอดหมายเลข 5
  เมื่อไปถึงห้องคลอด คุณพยาบาลจะให้เราถอดชุดทั้งหมดออกรวมถึงเสื้อชั้นใน กางเกงในด้วยแล้วใส่ไว้ในถุงที่จัดไว้ให้และสวมชุดคลุมสีเขียวแก่ของรพ.แทน จากนั้นจะทำการซักประวัติคร่าวๆ เช่น มีญาติมาด้วยรึเปล่า,รายได้ของครอบครัวเฉลี่ยตกเดือนละเท่าไหร่,มีเงินเก็บไว้ไหม๊ ประมาณเท่าไหร่ เพื่อช่วยคำนวณค่าใช้จ่าย โดยคุณพยาบาลแจ้งว่า ห้องนี้เป็นห้องรอคลอด ซึ่งทางรพ.บอกไม่ได้ว่า พิมจะต้องนอนพักฟื้นไปจนถึงเมื่อไหร่ แต่ต่ำสุดคือ 48 ชม.หรือ 2 วัน คุณแม่บางคนต้องนอนเป็นเดือนๆ โดยห้องนี้จะตกอยู่ที่คืนละประมาณ 3,000 บาท และไม่สามารถเบิกประกันสังคมได้ ดังนั้นถ้าหากว่ามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายก็สามารถย้ายไปยังห้องรอคลอดแบบธรรมดาซึ่งราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่งได้
  เมื่อทำการซักประวัติโดยคร่าวๆแล้ว คุณพยาบาลจะทำการวัดความดันและวัดเสียงหัวใจ(รึเปล่า?) โดยการเอาเครื่องมาหนีบที่นิ้วชี้ และติดเครื่องฟังเสียงหัวใจตัวเล็ก
  เมื่อฟังเสียงหัวใจของตัวเล็กเสร็จแล้ว ปรากฏว่า ตัวเล็กมีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วเกินไป ทางรพ.จึงให้ออกซิเจนกับพิมแทน และได้แจ้งว่า สารในปอดของลูกยังสร้างไม่เสร็จ อธิบายง่ายๆคือ เวลาที่คนเราหายใจเข้า ปอดก็จะพองตัวขึ้นเพื่อกักเก็บออกซิเจน เมื่อเราหายใจออก ปอดก็จะแฟ่บ ทีนี้เมื่อปอดแฟ่บ ปอดก็จะคืนตัวส่วนนึง คือมันจะไม่บุ๋มลงไปเลยทีเดียว ทีนี้ตัวเล็กยังอายุครรภ์น้อยเกินไป คือ 33 สัปดาห์กับอีก 6 วัน (ณ วันที่ 6 ธ.ค. 56) สารที่ช่วยในการคืนตัวของปอดยังสร้างไม่เสร็จ ถ้าหากว่าพิมคลอดก่อนกำหนดในระยะนี้จะทำให้การหายใจของน้องมีปัญหา ทางรพ.จำเป็นจะต้องให้ยาระงับการท้องแข็ง หรือยาชะลอการคลอดก่อนกำหนด จากสายน้ำเกลือ และให้ยากระตุ้นการสร้างสารในปอดแก่ตัวเล็กเป็นแบบฉีดเข้าเส้นเลือดของพิมทั้งหมด 4 เข็ม โดยเข็มแรก สตาร์ทที่บ่ายโมง เข็มที่ 2 เวลา 01.00 และเข็มที่ 3 จะวนมาที่บ่ายโมงอีกครั้งและเข็มสุดท้ายตอนตี 1 พิมจำเป็นต้องอยู่รพ.เพื่อดูอาการอย่างน้อย 48 ชม.
  เมื่ออธิบายการรักษาคร่าวๆจบแล้ว คุณพยาบาลก็จะเข้ามาเจาะเลือด (อีกแล้ว - -*) โดยเลือดที่เจาะนี้ เค้าจะเก็บเอาไว้เรียกเลือดเผื่อกรณีที่เราเสียเลือดมากหรือจำเป็นต้องรับการผ่าตัด เพื่อเอาไปเบิกกับทางธนาคารเลือด ซึ่งเข็มใหญ่มาก O_O (ตอนหลังเห็นว่า เค้าเจาะเลือดแล้วเก็บหลอดเลือดเอาไว้ในห้อง พอถามดูคุณพยาบาลบอกว่าเพราะพิมไม่ได้รับการผ่าตัดอะไรก็เลยไม่ได้ใช้และเลือดนี้ก็มีอายุแค่ 24-48 ชม.เท่านั้น ก็เลยแอบจิ๊กมาเก็บไว้ดูเล่นที่บ้าน 555)

เลือดที่เจาะไป แต่ไม่ได้ใช้ - -

 จากนั้นก็ทำการใส่สายน้ำเกลือ ซึ่งเจ็บมากกก แล้วก็ทำการฉีดยากระตุ้นปอดที่แขนข้างขวา เพราะข้างซ้ายให้สายน้ำเกลือ ให้ออกซิเจนมาดม และให้นอนเฉยๆ ห้ามเดินเล่น ห้ามเข้าห้องน้ำ ถ้าปวดปัสสาวะให้กดกริ่งเรียกคุณพยาบาล เค้าจะเอากระโถนมารองและให้ฉี่ที่เตียงและเค้าจะทำความสะอาดให้ เวลาจะอาบน้ำ แปรงฟัน ก็จะมีคุณพยาบาลมาเช็ดตัวให้ อ้อ...ยาที่ชะลอการคลอดก่อนกำหนดจะมีผลข้างเคียงทำให้ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว และมึนหัวค่ะ ของพิมมือสั่นไปทั้งมือ เวลายิ้มกรามก็จะสั่นๆคือสั่นไปทั้งหน้า บางครั้งนอนๆอยู่ก็สั่นไปทั้งเตียง T-T โดยคุณพยาบาลบอกว่า ยาตัวนี้มีผลให้ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ถ้ารู้สึกว่าเหนื่อยให้บอก เพราะอาจจะมีน้ำคั่งที่ปอดหรือหัวใจได้  
  จากนั้นคุณหมอจะเข้ามาตรวจภายใน เมื่อเช็คว่าน้ำใสๆที่ไหลออกมาที่พิมแจ้งไปนั้น มันคืออะไรกันแน่ โดยการตรวจจะทำการล้วงเข้ามาภายในช่องคลอดและใส่อุปกรณ์ที่เหมือนกับกรวยเหล็กเข้ามาข้างใน เมื่อเอาออกมาก็จะได้เป็นคล้ายๆครีมสีขาวๆออกมา คุณหมอจะเอาคัตตอลบัทถูครีมจากในกรวยส่วนหนึ่ง เอามาแปะบนแผ่นฟิลม์ใสเพื่อเอาไปส่องกล้อง และเก็บตัวอย่างอีกส่วนไว้เพาะเชื้อ เพื่อหาสาเหตุ โดยคุณหมอแจ้งเพิ่มเติมว่า อาจจะมีการสวนปัสสาวะเพื่อเอาปัสสาวะจากในกระเพาะปัสสาวะไปทำการเพาะเชื้อเช่นกัน (แต่โชคดีที่เค้าไม่ได้ทำ) หลังจากที่ผลแล็บออกมาแล้ว คุณหมอแจ้งว่าพิมมีอาการติดเชื้อในช่องคลอดซึ่งต้องได้ยาเหน็บช่องคลอดเป็นเวลา 6 วัน โดยจะเหน็บวันละเม็ดก่อนนอน
  พิมได้โทรฯหาวิทตี้ซึ่งกำลังทำงานอยู่ โดยวิทตี้บอกว่าจะมาถึงประมาณบ่าย 2โมง แต่พอมาถึงแล้ว ปรากฏว่า ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ เพราะในห้องมีคนกำลังคลอดอยู่ กว่าจะเข้ามาได้ก็ประมาณบ่าย 3 แถมอยู่ได้แค่ครึ่งชม.เท่านั้น :( ตอนหลังคุณพยาบาลบอกว่าให้มาประมาณ 5โมงเย็นเค้าจะให้อยู่ถึง 2 ทุ่มแต่ไม่อนุญาตให้ค้างคืน เพราะนี่เป็นห้องรอคลอด ไม่ใช่ห้องพักหลังคลอด
  คืนแรกพิมนอนไม่หลับๆตื่นๆตลอดเวลา บวกกับคุณพยาบาลจะคอยเข้ามาวัดความดัน ติดเครื่องฟังเสียงหัวใจลูกเป็นพักๆ และพิมต้องรับยาฉีดกระตุ้นปอดตัวเล็กตอนตี 1 ก็เลยไม่ได้นอนกันเลย 555 บวกกับพิมกลัวว่าสายน้ำเกลือมันจะหลุด เพราะเวลานอนแล้วเราอาจจะขยับแบบไม่รู้ตัวไปโดยก็ได้ เพราะพิมเคยเป็นมาแล้วครั้งนึง คุณพยาบาลต้องมาเจาะให้ใหม่อีก เจ็บ 2 รอบ :( แต่ก็อาศัยนอนหลับช่วงกลางวันแทน โดยในห้องมีทีวีและหนังสือสำหรับอ่านเล่นฆ๋าเวลาไปพลางๆ
 เช้าวันรุ่งขึ้น (7 ธ.ค.56) เป็นวันที่พิมมีอายุครรภ์ได้ 34 สัปดาห์พอดี คุณหมอแจ้งว่า เมื่ออายุครรภ์ได้ 34 สัปดาห์ คุณหมอจะหยุดยาชะลอท้องแข็ง หมายความว่า ถ้าหากว่าน้องพร้อมออกมาแล้ว เค้าก็จะอนุญาตให้คลอดได้เลย แต่จริงๆแล้วอยากให้รอซัก 37 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อให้ปอดของน้องแข็งแรงก่อน เนื่องจากถ้าออกมาตอนนี้ก็คงมีหวังได้เข้าตู้อบแหงๆ แต่วันนี้พิมกลับมีอาการท้องแข็งค่อนข้างบ่อย โดยหลังจากติดเครื่องฟังเสียงหัวใจน้อง(เครื่องตัวนี้สามารถวัดความถี่ของท้องแข็งได้) คุณพยาบาลแจ้งว่าพิมมีอาการท้องแข็งและคลายทุกๆ 6-8 นาที ซึ่งอาจจะทำให้คลอดน้องคืนนี้ก็ได้ เพราะอาการท้องแข็งมากๆจะทำให้ปากมดลูกเปิด โดยจะให้ดูอาการก่อน ถ้าหากว่าไม่มีอาการท้องแข็งถี่ขึ้น ไม่มีอาการเจ็บท้องระดับที่นอนไม่ไหว ไม่มีอาการน้ำเดิน หรือปากมดลูกเปิด พรุ่งนี้ก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ (คืนนี้ยาเหน็บที่คุณหมอใส่ให้ ตัวยาไหลออกมาจนแสบมากกก T-T วันแรกไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย)
  วันนี้ค่อนข้างดีขึ้นกว่าเมื่อวาน เพราะวันนี้คุณพยาบาลได้เอาสายน้ำเกลือออกจากข้อมือแล้ว (ตอนเอาออกเจ็บมากกก) และอนุญาตให้เดินไปเข้าห้องน้ำเองได้ แต่ห้ามเดินเล่น เพราะยิ่งเดิน ท้องก็จะยิ่งแข็ง
  รุ่งเช้าหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ คุณหมอเข้ามาแจ้งว่าจะติดเครื่องฟังเสียงตัวเล็ก เพื่อเช็คความถี่ของท้องแข็ง เช็คการเปิดของมดลูก ถ้าไม่มีอะไรก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้
  เมื่อตรวจเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าปกติดี สรุปก็กลับบ้านได้ เย้! (สรุปค่าใช้จ่ายประมาณ 7,600 กว่าบาท ได้อัลตร้าซาวด์ดูน้องเฟรย่า 1 ทีตอนวันแรกที่เข้ารพ. น้องเอาขาหนีบอีกแล้ว แง T-T แต่คุณหมอบอกว่าเป็นผู้หญิงแหละ..มั้ง - -)