3.06.2557

27 ก.พ.- 3 มี.ค. 57 แอดมิดรพ.


27 ก.พ.
   วันนี้ช่วงบ่ายจู่ๆเฟรย่าก็ตัวอุ่น วัดไข้ได้ 37.5 องศา จริงๆก่อนหน้านี้เมื่อ 2 วันที่แล้ว น้องก็มีไข้แบบนี้เหมือนกันและงอแงตอนกลางคืน ตี3ก็ยังร้องแบบเค้นให้ตัวเองร้องไห้ ไม่ยอมนอนเลย แต่พอโทรฯไปถามแผนกฉุกเฉินของรพ.ศิริราชเค้าบอกว่าปกติ ทีนี้วันนี้พอดีพิมจะลองให้น้องเล่นน้ำในกะละมังดูเลยโพสถามแม่ๆในคลับว่าได้รึเปล่าเพราะพิมเห็นน้องหน้าผากอุ่นๆ แม่ๆก็แนะนำว่าอย่าดีกว่าให้น้องหายก่อน เพราะ 37.5 เนี่ยถือว่ามีไข้นะ พิมก็เลยพาไปอาบน้ำปกติแทนเพราะว่าน้องอึเลอะก้น
  ทีนี้หลังอาบน้ำเสร็จไม่นานลองวัดไข้ดูปรากฏว่าไข้ขึ้นมาเป็น 38.4 องศา ก็ลองสอบถามพยาบาลที่ตึกพระศรีฯของศิริราชดูเพราะเห็นเค้าดูแลเด็กเล็ก น้องก็เกิดที่นั่นน่าจะข้อมูลชัวร์กว่าฉุกเฉิน เค้าบอกว่า 37.5 ก็ถือว่ามีไข้แล้ว และบอกให้เช็ดตัวตามซอกต่างๆไข้จะค่อยๆลดลงบวกกับกินยาลดไข้แต่พิมไม่มียาลดไข้ก็เลยเช็ดตัวให้น้องไป หมั่นเช็ดทุก 5-10 นาที ไข้ก็ลดลงตามนี้
38.7 องศา ---13:17 น.
37.7 องศา ---14:04 น.
37.8 องศา ---14:41 น.
37.4 องศา ---15:14 น.
38.3 องศา ---16:02 น.
ทีนี้พิมเห็นว่าไข้ไม่ลดลงซะที ก็เลยลองโทรฯไปถามที่ตึกพระศรีฯดีกว่าว่าจะทำยังไง พยาบาลบอกให้มารพ.เลย ก็เลยรีบลงไปข้างล่างให้ป้าที่อยู่ข้างล่างหอพักช่วยเรียกแท็กซี่ให้ ลองใช้แอพฯเรียกแท็กซี่แล้วรอนานมาก กลัวน้องจะไข้สูงกว่านี้
  พอไปถึงรพ.พิมไปที่แผนกฉุกเฉินแล้วแผนกฉุกเฉินแนะนำให้ไปที่ตึกเจ้าฟ้าก่อน ก็เลยเดินไปที่ตึกเจ้าฟ้า เจอพยาบาลชุดเขียวช่วยแนะนำและลงทะเบียนให้ ทีนี้พยาบาลแนะนำให้ไปเช็ดตัวน้องก่อนดีกว่า เพราะรอหมอกลัวว่าจะนาน ก็เข้าไปเช็ดตัว วัดไข้ ปรากฏไข้ขึ้นมาอีกเป็น 39 องศา พยาบาลชุดเขียวแนะนำว่าให้ไปที่ฉุกเฉินดีกว่าเพราะถ้าหากว่าต้องแอดมิทรพ.ค่าใช้จ่ายมันจะสูง อย่างน้อยไปฉุกเฉินก็ใช้สิทธิ์บัตรทองฉุกเฉินได้
  พอเช็ดตัวเสร็จพิมก็พาเฟรย่าไปแผนกฉุกเฉิน รอนานพอสมควร ระหว่างรอพยาบาลก็ให้ยาซาร่าเด็กมาให้ป้อนน้องไปก่อนและคอยวัดไข้ พาไปเช็ดตัวและพบหมอ
  หมอแจ้งว่า น้องมีไข้ จำเป็นต้องแอดมิทรพ.และทำการตรวจปัสสาวะดูก่อนเบื้องต้นว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ถ้าหากวินิจฉัยไม่ได้อาจจะจำเป็นต้องเจาะน้ำไขสันหลัง จากนั้นก็ทำการย้ายน้องไปที่ตึกอนันฯชั้น 5 ซึ่งคืนนี้น้องต้องพักที่นี่
  พอมาถึงก็มีการแนะนำสถานที่เช่น ที่กินข้าว ที่อาบน้ำของเรา ของน้อง ห้องนอนซึ่งห้องนอนจะแยกเป็นห้องของมารดาโดยเฉพาะมี 5 เตียงเตียงก็จะเป็นเบาะขนาดไม่กว้างเท่าไหร่ค่ะพอดีตัว เวลาเยี่ยมซึ่งห้ามผู้ชายเข้า จะเยี่ยมได้ตั้งแต่ 8โมงถึง 2 ทุ่มเท่านั้น และทำการลงทะเบียนประวัติเช่น ชื่อเรา ชื่อน้อง วันเดือนปีเกิด จากนั้นก็พาน้องไปเจาะสายน้ำเกลือ พยาบาลบอกว่าเจาะครั้งเดียวแล้วเวลาให้ยาอะไรพวกนี้เค้าจะไม่เจ็บตัวเพราะแค่ฉีดยาเข้าไปผ่านทางสายอันนี้ ไม่ต้องกลัวทั้งหมดเป็นพลาสติกจะมีเหล็กแค่ตัวเข็มที่อยู่ข้างในเท่านั้น ซึ่งน้องร้องไห้ใหญ่เลย พิมก็พาลร้องไห้ตามไปด้วย จากนั้นก็ทำการเช็ดตัวและให้น้องนอนบนเตียง จากนั้นก็ทำการเก็บปัสสาวะ หมอบอกว่าน้องก้นแดง เดี๋ยวจะสั่งยาทาแก้ก้นแดงให้ ทีนี้บรรยากาศของห้องรวมที่นี่ทั้งหมดเป็นเด็กโตและจะมีเตียงนึงเป็นเด็กพม่าที่แม่ไม่สนใจปล่อยให้น้องคนนั้นร้อง หาแม่ หาแม่ ตลอดเวลาและเสียงร้องดังมาก เด็กร้องจนเสียงแหบเลย และเสียงของเด็กคนนี้ก็ทำให้เฟรย่าผวาเวลานอน ตื่นตลอด ทีนี้พิมก็แจ้งกับพยาบาลว่าช่วงตี3 ตี 4 พิมจะตื่นไม่ไหว ปกติวิทตี้จะเป็นคนช่วยฟีดน้องทีนี้ฝากพยาบาลดูแลน้องได้ไหม๊ เพราะตอนแรกจะนอนบนเก้าอี้ปรากฏว่ามันนอนไม่ได้ เก้าอี้มันไม่พอด้วย เตียงก็สูงกว่าพิมๆนอนท้าวเตียงน้องไม่ได้เลย (ที่นี่มีแต่ห้องเฉพาะสำหรับนอนของแม่ที่จะเป็นห้องๆนึงแยกกับน้องนะคะ)
ทีนี้พิมจะไปกินข้าว ก็ฝากพยาบาลช่วยดูน้องให้ทีนะถ้าเค้าหิวก็ให้นมชงไปก่อน พิมก็ไปกินข้าวข้างหลัง คือเดินเลยห้องที่น้องนอนไปมันจะเป็นห้องโถงยาวๆแล้วเดินเข้าประตูไปอีกก็จะมีที่กินข้าวให้ กินได้ 3 คำพยาบาลเดินมาบอกว่า น้องไม่กินนมชง พิมก็เดินไปดูแล้วก็ลองให้ดู ก็ค่อยๆหยดๆแล้วค่อยให้เค้ากินเพราะนมมันไหลเร็วปกติบ้านเราใช้ขวดเสมือนนมแม่ที่กันมันไหลออโต้ด้วย ระหว่างป้อนไปก็บอกพยาบาลไปว่าต้องค่อยๆให้น้องอะค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ซักวัน 2วันมาเนี่ยน้องเค้าไม่เอานมชงเหมือนกันแล้วขวดรพ.รูมันใหญ่เค้ากินไม่ทัน ต้องค่อยๆให้ อ้าว หันมาอีกที พยาบาลหายไปไหน(วะ) แล้วกลางคืนทำไงอะเนี่ย เพราะวันนี้พิมเหนื่อยมากๆตื่นไม่ไหวแน่ๆ เลยบอกพยาบาลขอคุยกับหมอเลย พิมจะเอาลูกกลับบ้าน พยาบาลฟีดไม่เป็น สาธิตให้ดูก็ไม่ดู ทิ้งซะงั้น บรรยากาศก็แบบ ไม่น่านอนมากๆ แถมเจอแมลงสาบมาจ้ะเอ๋อยู่ข้างกำแพงด้วย ห่างจากเตียงที่น้องนอนนิดเดียวเอง
   ผ่านไปซักชม.นึงพยาบาลเดินมาถามว่าแม่กินข้าวยัง เดี๋ยวดูลูกให้ พิมก็บอกว่ากินไป 2คำอะค่ะ เหอๆ พยาบาลเดินมาแจ้งแม่ว่าฟีดน้องไม่ได้ ก็เลยต้องมาป้อนเอง พยาบาลก็บอกว่าเดี๋ยวดูให้แม่ไปกินข้าวเถอะ พิมก็เดินไปกินข้าวเพราะมันดึกแล้วหิวจนตาลายแล้ว พออยู่ในห้องกินข้าวก็พยายามเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงน้องร้องจนไม่มีอารมณ์จะกินข้าวละแต่ก็จำใจเพราะเราก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
  ผ่านไปอีกนานเลย พิมก็สงสัยว่าเอ พิมให้ติดต่อหมอ ทำไมหมอไม่มาซะที พิมก็ไปถามพยาบาลอีกรอบว่าเรียกหมอให้รึยัง ปรากฏเค้าเพิ่งจะโทรหาหมอให้เราแล้วให้เราคุยโทรศัพท์กับหมอ
  หมอก็ถามพิมว่าทำไมถึงอยากกลับหละ ลูกพิมยังไม่หายดีเลย พิมก็บอกว่า พิมเห็นว่าไข้น้องลดลงแล้วๆเค้าก็กินนมได้ดีไม่ได้ซึม แล้วที่นี่เสียงดังมากลูกพิมนอนไมไ่ด้ พยาบาลก็ฟีดไม่เป็น พิมฝากไว้แป้บเดียวเพระาพิมจะไปกินข้าวเค้าเดินมาบอกพิมว่าลูกไม่กินนมชงแล้วทิ้งพิมฟีดน้องเลย แล้วอย่างงี้ตอนกลางคืนทำยังไงหละ?พิมตื่นไม่ไหวนะวันนี้ ปกติพ่อน้องเค้าฟีดให้ช่วงตี3ตี4 แล้วนี่ไม่มีคนช่วยพิมทำไงอะ? หมอก็บอกว่าน้องยังไม่หายดี เข้าใจว่าอาจจะไม่สบายเหมือนบ้าน(?) แต่เพื่อความปลอดภัยของลูกเราก็อยากให้อยู่ก่อนและผลปัสสาวะของน้องก็ยังไม่ออก แต่ถ้ายืนยันจะกลับก็ต้องให้เซ็นไม่ยินยอมรับการรักษา ซึ่งพิมปรึกษากับวิทตี้แล้วก็คงต้องจำใจอยู่ไปก่อน
  วางสายหมอผ่านไปซักพัก พยาบาลคนนึงเดินมาบอกว่าแม่ไปนอนเลยนะ วันนี้พยาบาลจะดูแลให้ พิมก็บอกว่า น้องไม่กินนมชงนี่ค่ะ เมื่อกี้พยาบาลอีกคนก็มาบอกพิมแบบนี้แล้วก็ปล่อยพิมนั่งป้อนน้องอยู่เนี่ย เค้าก็บอกว่า เดี๋ยวเค้าจะพาไปเลี้ยงที่เคาเตอร์เลยไม่ต้องห่วง ถ้าไม่กินขวดเดี๋ยวเค้าป้อนทางไซริงก็ได้ไม่เป็นไร ไปนอนเถอะ ไม่ต้องห่วง พิมก็เลยไปนอน ตื่นมาประมาณตี 4 เดินมาที่เคาเตอร์พยาบาลก็เจอพยาบาลคนเดิมนั่งดูน้องอยู่ใกล้ๆ น้องก็นอนหลับไปแล้ว ก็บอกพิมว่าไม่ต้องห่วงนะเมื่อกี้เค้าเพิ่งฉีดยาไป กินนมแล้ว ตอนนี้หลับแล้ว คุณแม่ไปนอนเลย วันนี้เราก็ค่อยโล่งใจหน่อย
ปล. ยาแก้ก้นแดงก็ยังไม่ได้ พอทวงพยาบาล พยาบาลถอนหายใจใส่แล้วบอกว่า ตอนนี้ห้องยาปิดแล้ว รอพรุ่งนี้เหอะ ... ชั้นสั่งไปตั้งแต่ตอนแอดมิทไม่ได้พึ่งจะมาสั่งนะเธอ

28 ก.พ.
   ตอนเช้าประมาณ 9 โมงหมอกมาแจ้งอาการ(ผ่านพยาบาล)ให้พิมฟังว่าน้องเป็นติดเชื้อทางเดินกระเพาะปัสสาวะ ตอนนี้กำลังรอผลเพาะเชื้ออยู่ต้องนอนรพ.ต่ออีก 2-3 วัน เพราะผลเพาะเชื้อมันต้องใช้เวลา พิมถามหมอว่าน้องจะมีโอกาสได้รับเชื้ออะไรไหม๊เพราะวันนี้ตอนกินข้าวพิมคุยกับคุณแม่เตียงข้างๆ เค้าบอกว่า ลูกสาวเค้าน้องข้าวหอม ตอนแรกแอดมิทมาเป็นไข้เฉยๆ พออยู่ซัก 2 วันเอ็กเรย์มาปรากฏว่าติดเชื้อที่ปอด อยู่ไปอีกวันนึงทีนี้ต้องพ่นยาเลย นั่นคืออายุ 1 ขวบ 2 เดือน โอยยย ตาย เฟรย่ายังไม่ 2 เดือน วัคซีนยังได้ไม่ครบเลยด้วย หมอบอกว่า ถ้าไม่สัมผัสหรือเล่นกับเตียงอื่นก็ไม่ติดหรอก ... - - จะเล่นอะไร? เราหมายถึงเชื้อที่มาปนมากับอากาศ เฮ้อ..ปวดหัว
ตอนกลางคืนพิมขอคุยกับหมอเพราะยังกังวลเรื่องเมื่อเช้าไม่หาย (ซึ่งก็เหมือนเดิมต้องไปกระตุ้นบอกพยาบาล 2-3 รอบว่าติดต่อหมอให้ยังคะ? ติดต่อให้ยังคะ?ถึงจะแจ้งให้) ว่าแล้วเพาะเชื้อนี่มันกลับไปก่อนไม่ได้เหรอ? วันนี้น้องโดนยุงกัดด้วยนะ แล้วน้องยังเล็ก พิมไม่อยากให้เค้าอยู่รพ. เค้ายังไม่ได้รับวัคซีนพิมกลัวเค้าจะติดเชื้อ หมอถึงมาแจ้งพิมว่าหมอเป็นหมอเวรของช่วงเวลานี้ ไม่ใช่หมอเจ้าของไข้นะคะ แต่จะอธิบายเกี่ยวกับอาการของน้องให้ทราบว่าทำไมถึงยังกลับไม่ได้ ผลการตรวจปัสสาวะของน้องมี 2 แบบ แบบแรกคือรอผล 1-2 ชม.ก็ทราบแล้ว อีกแบบคือการเพาะเชื้อซึ่งต้องรอเชื้อเจริญเติบโตซัก 48 ชม. ทีนี้นี่การเก็บปัสสาวะไปตรวจเบื้องต้นครั้งแรกพบว่าเจอแบคทีเรีย 20-30 ตัว พร้อมเปิดแฟ้มให้ดู ทีนี้ครั้งที่ 2 คือใช้วิธีเก็บปัสสาวะแบบสะอาดคือการสวนปัสสาวะมาตรวจพบว่ามี 100+ ตัว ซึ่งปกติพบ 5 ตัวเนี่ยถือว่าเยอะแล้ว และโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดกับเด็กวัยนี้น้อย หมอจึงต้องรอผลเพาะเชื้อและต้องให้น้องฉีดยาทุกๆ 6 ชม. บวกกับไม่แน่ใจว่าเป็นปัญหาที่อะไร อาจจะเป็นที่ไตหรือกรวยไตน้องรึเปล่าไม่ทราบ ตอนนี้หมอกำลังส่งใบนัดไปให้จองคิวอัลตร้าซาวน์อยู่ แต่ถ้าน้องอาการดีขึ้นคือไม่มีไข้ ร่าเริงไม่วึม กินนมได้ดี ดูดนมได้ดี น้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ปกติ การฉีดยาจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน การรักษาจะใช้เวลารักษาทั้งหมด 14 วันแต่ทั้งนี้ที่กล่าวมาถ้าทุกอย่างดีหมดสอดคล้องกับผลตรวจปัสสาวะของน้องอีกทีที่ดีขึ้นหมอก็จะพิจารณาให้เปลี่ยนเป็นยากินและออกจากรพ.ได้ ช่วงนี้น้องยังมีไข้ต่ำๆขึ้นๆลงๆอยู่บ้างอยากให้นอนดูอาการไปก่อนเพื่อความชัวร์ว่าน้องหายสนิท การพาน้องออกก่อนอาจจะทำให้เป็นอันตราย พิมก็บอกว่าถ้างั้นช่วยจองห้องพิเศษเดี่ยวให้ที เพราะกลัวน้องจะติดเชื้อ เพราะนี่เป็นห้องรวมแล้วไม่รู้ว่าเด็กในนี้เป็นอะไรกันมาบ้าง น้องยังไม่ได้รับวัคซีนและเด็กสุดเลยด้วย บวกกับบรรยากาศมันค่อนข้างเจี๊ยวจ้าว น้องนอนไม่ได้เลย และวั พิมก็แจ้งหมอไป หมอบอกว่าเข้าใจว่าคุณแม่กัลวลเรื่องน้องติดเชื้อ สักพักนึงก็ไปเช็คให้และมาบอกว่าในห้องนี้หมอเช็คแล้วไม่มีใครมีโรคที่สามารถติดต่อได้ไม่ต้องกังวล
และถ้าเป็นห้องพิเศษวิทตี้ก็จะได้อยู่ได้ด้วยพิมจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการฟีดน้องตอนกลางคืน (เพราะคืนนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเจอพยาบาลที่ใจดีช่วยเลี้ยงน้องแบบเมื่อคืนก่อนรึเปล่า) หมอก็บอกว่าจะจองให้แต่พิมจะเสียสิทธิ์ฉุกเฉินนะ(พิมแอดมิทได้สิทธิ์ฉุกเฉินของบัตรทอง) แต่ถ้าพิเศษรวมมันยังอยู่ในสิทธิ์อยู่แต่มันเป็น 4 เตียงมีม่านกั้นแล้วก็คุณพ่อก็เฝ้าไม่ได้เหมือนกัน พิมก็เลยให้จองห้องพิเศษเดี่ยวไว้
  พอตกลงกับหมอเสร็จว่าน้องต้องอยู่ดูอาการและฉีดยาก็โอเค เคลียร์กันเรียบร้อยแต่แอบเซ็งนิดๆว่าถ้าไม่บอกพยาบาลให้เรียกหมอมาคุยว่าเราจะกลับบ้าน เราจะทราบข้อมูลแบบนี้ไหม๊เนี่ยว่าน้องมีเชื้อในตัวเท่านี้ๆๆต้องฉีดยาทุกกี่ชม.เท่านี้ๆๆ เพราะตอนเช้าคือหมอบอกแค่ว่าน้องเป็นติดเชื้อทางเดินกระเพาะปัสสาวะแค่นั้นเลย แล้วเราก็ไม่รู้มันร้ายแรงแค่ไหนยังไงด้วย คือรู้แต่ชื่อโรคเลย ดีเทลอะไรอื่นๆไม่รู้เลยสักอย่าง
  ซัก 5 ทุ่ม ระหว่างให้นม ซึ่งไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เพราะพิมนั่งบนเก้าอี้ใช้หมอนรองนมให้นมแล้วมันนั่งลำบาก น้องก็กินลำบาก ก็ร้อง พิมก็บอกพยาบาลที่นั่งตรงกลางห้องว่าขอนมผสมหน่อยค่ะ (เราเดลกับพยาบาลไว้แล้วว่าบางครั้งเวลาน้องกินไม่อิ่มเราจะให้นมผสมแต่ไม่ได้ให้ทุกมื้อ พิมเน้นให้นมแม่เป็นหลักแต่บางครั้งน้องกินไม่ได้เค้าโมโหเพราะหัวนมเรามันสั้น+บอด น้องจะกินลำบากแล้วถ้าโมโหคือเค้าจะไม่กินเลยก็ต้องให้นมผสมเพิ่มหรือบางทีน้องอึแล้วกินข้ามมื้อนมเรามันจะไหลช้าก็ให้นมผสมเพิ่มเพื่อร่นเวลา พยาบาลก็เดลกับเราเช่นกันว่าเวลาเราต้องการนมผสมให้แจ้ง เค้าจะไปชงมาให้ เพราะถ้าเราไปด้านหลังเองมันไม่มีนมวางไว้ให้เราชงนะคะ มีแต่น้ำร้อน น้ำเย็นเท่านั้นคือเราต้องแจ้งแล้วรอเค้าชงมาให้อย่างเดียว) พยาบาลหันมาทำหน้าเซ็งๆถามพิมว่า ทำไม พิมก็เลยตอบเค้าสั้นๆเข้าใจว่าเค้าคงไม่รู้มั้งว่าเวลาน้องโมโหเค้าไม่เอานมเราแล้วตอนนั้นน้องร้องหน้าดำหน้าแดงใหญ่เลย พิมปลอบเท่าไหร่ก็ไม่หาย พยายามเอาเข้าเต้าน้องก็โมโหตีๆ พิมตอบไปว่า นมพิมไม่พอ พยาบาลก็หยิบแฟ้มขึ้นมาเหมือนจะติ๊กว่าเราขอนมผสม แล้วบอกพิมว่า เดี๋ยวรอเจ้าหน้าที่มาแนะนำ(?) แนะนำอะไร(วะ) ตอนเช้า ตอนบ่ายวันนี้เราขอนมผสมตอนพิมฝากวิทตี้ดูแล พยาบาลก็เอามาให้ปกตินะ งงว่าจะแนะนำทำไม แล้วจากนั้นพยาบาลคนนั้นก็นั่งดูแฟ้มดูโน่นดูนี่ต่อไป ปล่อยให้ลูกพิมร้อง พิมก็พยายามเอาเข้าเต้า จนในที่สุดพยาบาลที่ช่วยพิมเลี้ยงเมื่อวันก่อนเดินมาพอดีแล้วถามพิมว่าเอานมผสมไหม๊คะ พิมก็ตอบว่า ค่ะ เค้าก็รีบไปชงมาให้เลย คือพิมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอเจ้าหน้าที่? ทำไมน้องยังคุณไม่ไปชงนมแต่คุณกลับนั่งดูแฟ้มต่อ? แล้วกะอีแค่ชงนม...เฮ้อ ปวดหัว คืนนี้พิมพยายามนอนบนเก้าอี้ เงยหน้าเอา จะได้อยู่กับน้องเพราะดูจากสภาพแล้วทิ้งให้อยู่กับพยาบาลคนนี้ท่าทางชีเธอจะหวานเย็นปล่อยลูกเราร้องแน่ๆ สักพักมีพยาบาลอีกคนยิ้มแล้วบอกพิมว่า นอนไม่ได้หรอก ปวดคอแย่เลย ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่ดูให้ พิมถึงได้มานอน

1 มี.ค.
   วันนี้ได้เก้าอี้มาอีกตัวนึงพอดีว่าเตียงข้างๆเค้าย้ายออกไปแล้ว แต่สักพักก็มีคนไข้เข้ามาใหม่ พิมก็เลยไปเอาเก้าอี้มากะว่าคืนนี้จะนอนบนเก้าอี้นี่แหละแต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ ปวดคอมาก
   ทีนี้เหมือนน้องจะมีผื่นขึ้น หมอเคยบอกพิมว่าถ้าหากน้องเหมือนมีผื่นขึ้นให้แจ้ง อาจจะเป็นที่ยา พิมก็เลยไปเรียกหมอมาดู หมอบอกพิมว่าดูอาการไปก่อนและวันนี้จะมีการเก็บตัวอย่างน้องไปตรวจดูว่ายาที่ให้ไปประสิทธิภาพโอเคไหม๊ได้ผลไหม๊ต้องเปลี่ยนยารึเปล่า พิมก็โอเค พอผ่านไป 2-3 ชม. พิมก็ถามพยาบาลว่าไม่เก็บตัวอย่างเหรอ?หมอบอกพิมว่าจะเก็บตัวอย่างไปตรวจงี้ๆๆ พยาบาลงงละบอกว่าเก็บตัวอย่าง? หมอบอกไหม๊คะว่าเก็บตัวอย่างอะไร พิมก็เลยบอกว่า เอางี้พยาบาลลองโทรไปถามหมอดูดีกว่าเพื่อความชัวร์เพราะพิมก็ไม่รู้ว่าเค้าจะเก็บตัวอย่างอะไรเหมือนกัน พยาบาลบอกว่าค่ะเดี๋ยวจะโทรถามหมอ พอมาตอนเย็นก็ยังไม่มีพยาบาลมาขอเก็บตัวอย่างอะไร พิมถามพยาบาลอีกที พยาบาลก็ยังไม่รู้อีกตามเคย อ้าว สรุปหมอกับพยาบาลนี่เค้าปรึกษากันรึเปล่าหว่า?
   วันนี้พิมพยายามจัดการปัญหาเรื่องให้นมบนเก้าอี้แล้วมันไม่ถนัด น้องกินลำบากโดยการเอาผ้ามาปูกับพื้นนั่งให้นมแทนมันจะถนัดกว่าเพราะปกติเวลานั่งเก้าอี้พนักมันจะดันหมอนรองนมทำให้หมอนมันเหยินมาข้างหน้า น้องก็กินไม่ถนัด เราก็ให้ไม่ได้ แต่ก็พยายามไม่ให้นมข้างล่างให้มากที่สุดเพราะฝุ่นมันเยอะ
จะให้ก็ต่อเมื่อเรานั่งเก้าอี้ไม่ได้จริงๆแล้วน้องโมโหแล้วถึงจะนั่งข้างล่างแล้วให้ คืนนี้พิมก็เอาผ้าพวกนี้(เห็นเค้าบอกว่ามันเป็นผ้าปูเตียงน้อง เพราะผ้าห่มมันหมด) มาปูนอนพื้นเฝ้าน้อง ฟีดน้องทั้งคืนเลย


2 มี.ค.
   วันนี้ตื่นมาพิมก็วิ่งไปอาเจียนทันทีเลย มึนหัวด้วย เห็นพยาบาลบอกว่าพักผ่อนไม่เพียงพอแล้วก็บอกให้พิมไปนอนในห้อง (ปกติถ้านอนข้างเตียงไม่ว่าจะปูที่นอนหรือนอนบนเก้าอี้เค้าจะให้นอนแค่ถึงตี 5 ถ้าเราจะนอนต่อก็ให้ไปนอนในห้อง) พิมก็โอเคและบอกพยาบาลว่าถ้าน้องหิวก็เรียกละกันเดี๋ยวถ้าพิมลุกไหวพิมจะเดินมาฟัดน้องเอง พยาบาลก็รับปากบอกว่าโอเค
  พิมไปนอนตั้งแต่ประมาณตี 5 โมง พอ 6 โมง พยาบาล(ที่ไม่ใช่คนเดิม) เปิดประตูมาบอกพิมว่าน้องหิวแล้วค่ะ พิมก็งัวเงียบอกเค้าว่า พิมลุกไม่ไหว รู้สึกไม่สบาย ช่วยฟีดน้องไปก่อนได้ไหม๊? พยาบาลบอกพิมว่า นมชงไม่มี พิมก็ถามเค้าว่า อ้าว ปกติคุณพยาบาลชงให้นี่คะ เพราะพิมไปข้างหลัง(ที่ชงนม) มันไม่มีนมให้พิมชงนะ ต้องขอพยาบาลทุกครั้ง พยาบาลคนนี้ก็ทำหน้างงๆปิดประตูห้องนอนแล้วเดินจากไป ทีนี้ห้องที่พิมนอน พอลุกจากเตียงหันไปทางซ้ายมันจะตรงกับเตียงเฟรย่าพอดี พิมหันไปดู ปรากฏไม่มีพยาบาลคนไหนอยู่ข้างน้องเลย ง่ายๆคือไม่มีใครสนใจน้องเลย พิมเลยรีบรวบผมวิ่งมาหาน้อง ปรากฏว่าน้องร้องไห้หน้าดำหน้าแดงด้วยความหิวอยู่ แต่ไม่มีพยาบาลคนไหนมาดู ที่นั่งโต๊ะพยาบาลตรงกลางห้องก็ไม่มีใครนั่ง(จริงๆมันไม่มีใครนั่งมาตั้งกะหลังเที่ยงคืนของเมื่อคืนละแต่ไม่คิดว่าตอนเช้ายังไม่มีใครนั่งอยู่อีก) พิมก็เลยต้องรีบมาเอาน้องเข้าเต้า สภาพพิมตอนนี้ใกล้ตายมาก ปวดหัว คลื่นไส้ ง่วงนอน เพลีย สำหรับคืนนี้พิมก็พยายามนอนบนเก้าอี้ให้ได้ เพราะเห็นว่าตัวเองเหมือนจะไม่สบายอาจจะเพราะนั่งให้นมข้างล่าง(นั่งให้ข้างล่าง 2 ครั้ง โชคดีไปน้องไม่เป็นไร) บวกกับนอนพื้นข้างล่างเมื่อคืนทั้งคืน ก็โอเค ปวดคอดี -..- 
   ซัก 10 โมง หมอมาตรวจ พิมก็เลยขอเคลียร์เรื่องเมื่อวานว่าคุณบอกเราว่า คุณจะขอเก็บตัวอย่างไม่ใช่เหรอ?ทำไมไม่เห็นมีพยาบาลคนไหนรู้เรื่องเลยหละ เพราะอย่าลืมนะว่าเก็บตัวอย่างไปก็ต้องรอผลมันออกอีก ง่ายๆว่าจะยื้อเวลาทำไม พิมอยากให้ทราบผลไวๆว่าน้องหายแล้วจะได้พาน้องกลับซะที หมอตอบพิมว่า มันเป็นแพลนเอาไว้ว่าเรา “กะ” ว่าจะเก็บตัวอย่างเมื่อวานนี้ แต่ทีนี้เห็นว่าน้องเพิ่งฉีดยาไปไม่นาน กลัวน้องจะเจ็บตัวฟรีเพราะยามันคงยังออกฤทธิ์ไม่เต็มที่ พิมก็บอกไปว่า อ้าว แต่เมื่อวานเหมือนน้องมีผื่นขึ้นหน้าที่หมอบอกให้พิมเฝ้าระวัง คอยเช็คนะ พอพิมไปแจ้งหมอก็บอกว่าจะขอเก็บตัวอย่างนะ หมอมองน้องแล้วบอกพิมว่า ออ มันเป็นผดร้อนธรรมดาค่ะ (แต่เมื่อวานดูแล้วไม่รู้?) พิมเลยถามว่าแล้วเมื่อวานคุณจะบอกเราแบบนั้นทำไมอะว่าจะเก็บตัวอย่าง พอเราไปถามพยาบาลก็ไม่มีใครรู้ คือถ้าคุณจะแพลนแล้วคุณแคนเซิลคุณควรจะแจ้งให้เราทราบด้วยป่าว(วะ)? หมอไม่ตอบอะไรแล้วบอกว่าวันนี้จะขอสวนปัสสาวะ
แถมคืนนี้(4ทุ่ม) เวลาฉีดยาของน้อง จู่ๆพยาบาลบอกว่าเส้นต้องมันตัน ฉีดยาไม่เข้าละแล้วก็อุ้มน้องไปเจาะสายน้ำเกลือใหม่อีกข้างนึง แน่นอนน้องร้องจ้า พิมร้องไห้และโวยวายมากๆ คุยกับวิทตี้ว่าเค้าเจาะครั้งแรกก็ไม่ดีอยู่แล้ว ครั้งแรกที่เจาะคือรอยเข็มขูดน้องแขนแดงเลย มองด้วยสายตารู้เลยว่าแสบแผลแน่ๆ เจาะคราวนี้จะเจาะดีไหม๊เนี่ย ซึ่งคำตอบก็คือไม่มีเห็นเข็มที่เป็นเหล็กแล่บออกมาเลย 
   ทีนี้แจ้งพยาบาลให้ติดต่อหมอเพื่อจะถามผลเพาะเชื้อ เพราะวันนี้มีการเก็บตัวอย่างโดยการสวนปัสสาวะน้องด้วย หมอเวรบอกว่าผลออกแล้ว เชื้อในปัสสาวะน้องลดลงเหลือ 3-5 ตัวแล้ว แต่เป็นผลเบื้องต้นตอนนี้ยังต้องรอผลเพาะเชื้อ และจะได้กลับหรือไม่นั้นก็ต้องรอดุลพินิจของหมอเวรตอนเช้าพรุ่งนี้ 

                  
เฟรย่าโดนเจาะมือทั้งสองข้างเลย เจาะใหม่นี่เข็มที่เป็นเหล็กแล่บออกมาให้เห็นด้วย แต่ถ่ายมามองไม่เห็นเพราะมันติดพลาสเตอร์(ลองถ่ายแบบใกล้ๆแล้ว)


3 มี.ค.
  เช้ามาพิมคุยกับหมอ(ท่านเดินที่บอกพิมเรื่องจะเก็บตัวอย่างแล้วแคนเซิลนั่นแหละ ชีเธอเป็นหมอเวรเช้า อ้อ.. มี 2 ท่าน) ว่าสรุปผลเพาะเชื้อมารึยัง หมอ A บอกว่า ผลเพาะเชื้อมันยังไม่ออกค่ะ คุณแม่ คือเชื้อพวกนี้ต้องให้เวลามันเจริญเติบโต หมอบอกไม่ได้ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ เย็นนี้ บ่ายนี้มันจะออก แต่ถ้ามันออกเมื่อไหร่หรือมีอาการอะไรหมอจะแจ้งให้คุณแม่ทราบทันทีอย่างเช่น เม็ดเล็ดขาวเพิ่มอะไรแบบนี้ก็จะแจ้งทันทีค่ะ เราไม่ปล่อยไว้แน่นอน นี่หมอก็คอยตามผลตลอด ซักพักไม่ถึง 2 นาที หมอ B เดินมาบอกว่า เมื่อกี้อ่านแฟ้มดูผลเพาะเชื้อออกแล้วนะคะ จะเปลี่ยนเป็นยากินแทนแล้วก็ให้กลับบ้านได้ ตอนนี้รอใบนัดอัลตร้าซาวน์ก่อนเผื่อได้วันนี้จะได้ไม่ต้องกลับมาอีกรอบ 
  เหอๆ แอบคิดนิดๆว่า ไหนว่าคอยตามผลตลอดไง นี่หมออีกคนแค่เปิดแฟ้มคนไข้ก็รู้เลยนะเนี่ยว่าผลเพาะเชื้อออกแล้ว ไม่ต้องแม้แต่จะไปคีย์คอมฯให้วุ่นวายด้วยซ้ำ คือ “แค่ เปิด แฟ้ม คน ไข้” เวลาคุณตรวจคุณไม่ได้อ่านแฟ้มประวัติคนไข้ก่อนเหรอ? สับสนกับหมอจริงๆ ทีนี้พิมถามหมอว่า แล้วฉีดวัคซีนได้ไหม๊? หมอดั้นน ถามพิมว่า น้องอายุเท่าไหร่ ..... โอ้โห หมอเจ้าของคนไข้ไม่รู้ว่าคนไข้อายุเท่าไหร่???? เจริญหละพี่น้อง พิมบอกว่า 2 เดือน เค้าบอกว่าฉีดได้ค่ะ .. อืม... พิมโทรไปถามหมอที่ฝากครรภ์ของพิมดีกว่า หมอที่ฝากครรภ์บอกว่าฉีดได้ค่ะ น้องมีนัดฉีดพฤหัสนี้ใช่ไหม๊คะ ถ้าไม่มีไข้ก็ฉีดได้เลย วัคซีนมันมีข้อจำกัดแค่ว่าถ้าน้องมีไข้ก็เลื่อนไปก่อนแต่ถ้าคุณแม่เห็นว่าน้องพึ่งเจ็บตัวมาไรแบบนี้อยากจะเลื่อนไปก่อนก็ได้ เหอๆ ขนาดหมอประจำตัวคนไข้ของแม่ยังรู้ดีเทลลูกมากกว่าหมอประจำคนไข้ของลูกอีก ..เหอๆ ชั้นควรจะเปลี่ยนทั้งหมอทั้งรพ.เลยสินะ 
  ทีนี้พิมโทรไปถามเพื่อนดูว่าห้องอัลฯมันปิดกี่โมง จะได้ลองคำนวณคร่าวๆดูว่า วันนี้จะได้อัลฯไหม๊เพราะพิมโทรฯให้น้องชายมาช่วยยกของกลับบ้าน หมอนรองนมอันมันใหญ่ พิมยกหมอนแล้วอุ้มน้องด้วยคนเดียวไม่ไหว เพื่อนบอกว่าน่าจะบ่าย 3 พิมเลยถามพยาบาลที่เป็นพยาบาลฝึกหัดว่า หมอบอกพิมว่าวันนี้ให้กลับได้ละ เหลือแค่รอใบนัดอัลฯ ช่วยตามให้ทีได้ไหม๊ว่าได้รึยัง พยาบาลฝึกหัดไปถามพยาบาลรุ่นพี่เค้าบอกว่า ไม่รู้ ไม่รับคำสั่งปากเปล่า ไม่เห็นหมอลงในบันทึกเลยว่ากลับได้แล้ว วันนี้ยัง"ไม่ได้กลับแน่ๆ” พิมก็งงว่า อ้าว ไหนหมอบอกกลับได้แล้วไงวันนี้แล้วพิมโทรเรียกน้องมาแล้วอะ ถ้าได้กลับพรุ่งนี้ก็ไม่มีใครมาช่วยถือของนะเพราะวิทตี้ก็หยุดงานไม่ได้แล้วด้วย แล้วพรุ่งนี้น้องพิมต้องไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัย 
  ตอนบ่าย 2 พิมถามพยาบาลอีกทีว่าใบนัดได้ยัง เค้าบอก เดี๋ยวได้ละจะมาแจ้ง บอกตรงๆว่าไม่เชื่อ = = นี่ขนาดไอ้ยาแก้ก้นแดงทวงทุกยันตั้งแต่วันแอดมิทวันแรกวันนี้จะกลับละยังไม่ได้เลย ดีนะไปซื้อมาเองไม่งั้นก็ยังไม่ได้ซะทีอยู่เนี่ย 
 บ่าย 3 หมอถึงมาบอกว่า ได้นัดอัลฯแล้ว ซึ่งเป็นวันพฤหัสฯ และบอกกับพิมว่า อยากให้อยู่อีกซักคืนดูอาการ พิมเลยบอกว่า ไม่เอา ในเมื่อเราเดลกันแล้วว่ากลับวันนี้ก็คือวันนี้ พิมโทรเรียกน้องแล้วๆอีกอย่างทำไมไม่มีพยาบาลคนไหนทราบเลยว่าพิมจะได้กลับวันนี้ ก็หมอคุยกับพิมว่าได้กลับวันนี้ทำไมไม่เซ็นในแฟ้มหรือแจ้งพยาบาล หมอบอกว่าลืม ..... อืม........ดีเนอะ ไม่รู้จะบรรยายอะไร 
เอาเป็นว่า จบจากอัลตร้าซาวน์พฤหัสนี้ ฟังผลพฤหัสหน้า พิมว่าพิจารณารพ.อื่นดีกว่า พอละ ง่ายๆว่า ถ้าเราไม่บอกพยาบาลว่าให้ต่อสายเราจะคุยกับหมอ หมอก็คงไม่เอาแฟ้มมาเปิดให้ดูว่าผลปัสสาวะที่เอาไปตรวจเจอเชื้อกี่ตัว เป็นร้ายแรงแค่ไหน ก็คือเราจะรู้แค่ว่าน้องเป็นติดเชื้อทางกระเพาะปัสสาวะ และจะมารู้วันกลับว่าเป็นอีโคไลน์ แค่นั้นเลย 
ปล. พอกลับบ้านมา เซิซกุ๊กเกิ้ลดูได้ความรู้เกี่ยวกับโรคมากขึ้นจากลิ้งค์นี้ ลิ้งค์ ไม่งั้นคงไม่มีข้อมูลเขียนบล็อคเช่นกัน -..-


บรรยากาศห้อง

นมนี่วิทตี้บอกว่า สีขุ่นแปลกๆและมีฟองไม่หายซะที พยาบาลบอกว่าเกิดจากการเขย่าแรงไป ... ใช่เหรอ? แล้วนมเค้าห้ามเขย่าแรงไม่ใช่เหรอ?

โต๊ะพยาบาล ที่ไม่มีพยาบาลนั่ง.... 

จ๊ะเอ๋ะกับแมลงสาบที่กำแพงด้านขวามือแต่ตอนถ่ายมันไม่อยู่ละหลังจากคืนวันที่ 1 เข้ามาในกระเป๋าพิมให้พิมต้องตีๆๆๆๆๆกระเป๋าไล่ออกแทบตาย