8.04.2557

3 ส.ค.57 เฟรย่าเริ่มจำเหตุการณ์แล้วนะ



    วันนี้เราพาเฟรย่ามาเดินเที่ยวห้าง(อีกแล้ว) เพื่อซื้ออาหารเสริมที่กำลังหมดค่ะ พร้อมความคิดชั่งใจกันอยู่ว่าจะพาเฟรย่าไปหาหมอดีไหม๊ เพราะเมื่อสองวันก่อน วิทตี้เล่นกับเฟรย่า และบอกว่าเหมือนมีอาการครืดคราดๆในปอด เวลาจับด้านหลัง บวกกับเมื่อคืนนี้เฟรย่าก็ตื่นมาร้องไห้งอแงหลายครั้ง ก็เลยกลัวว่าจะเป็นอะไร แต่จากการปรึกษากันแล้ว ก็สรุปผลว่าวันนี้ไปห้างและดูอาการกันก่อนเพราะพวกเราซัดมาม่ากันคนละห่อตอนบ่ายโมง -__-" หิวแล้วว
   ณ ห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า วันนี้เราไปกันที่ชั้น 5 เวลาบ่าย 3 แต่ลูกค้าเต็มหน้าร้านแทบทุกร้าน เพราะวันนี้เป็นวันรับปริญญาของมหาวิทลัยหลายแห่ง หลังจากเดินๆดมๆก็ตัดสินใจกันว่าวันนี้เราจะทานยาโยอิกัน และแน่นอนว่าหมูแสบเฟรย่ายังไม่นอน!
  พวกเรารอคิวเป็นลำดับที่ 4 รอไม่นานก็ได้เข้าไปนั่ง อาหารมาเสิร์ฟอันได้แก่ สุกี้หมูของวิทตี้ และชุดยาโยอิเฮิร์ธตี้ของพิม อันประกอบไปด้วย...
ปลาซาบะย่างซีอิ้ว
ข้าวญี่ปุ่น
น้ำซุปมิโสะ
ไข่ตุ๋น
ฟักทอง หัวหอมและกุ้งเทมปุระ
น้ำซอสและหัวไชเท้าสำหรับผสม
และมันฝรั่งชุบแป้งทอด (อันนี้สั่งเพิ่ม)
เฟรย่าซึ่งนอนเล่นอยู่ในรถเข็น ก็ดูเหมือนอยากจะร่วมเอ็นจอยกับพวกเรา บนโต๊ะเองก็มีจานอาหารสำหรับเด็ก เราก็เลยให้เฟรย่าชิมไข่ตุ๋น ซึ่ง.... ปรากฏว่าชอบแฮะ แย่งกินใหญ่เลย
  หลังจากทานเสร็จ พวกเราก็ไปเดินเล่นที่แผนกเสื้อผ้า และพิมก็พาเฟรย่าไปเปลี่ยนแพมเพิสด้วย ไหนๆก็มาละ ก็เลยไปที่ห้องให้นมเลยดีกว่า (ห้องเปลี่ยนผ้าอ้อมจะมีอยู่ 2 โซน ชั้นเดียวกันค่ะ ห้องแรกเป็นห้องสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อมอย่างเดียว จะอยู่ตรงห้องน้ำใกล้ลิฟต์ อีกจุดนึงจะเป็นห้องให้นมด้วยและห้องเปลี่ยนผ้าอ้อมด้วย จะอยู่เลยเคาเตอร์ไป) วิทตี้บอกว่าเดี๋ยวจะเดินไปดูเสื้อผ้า(ของเฟรย่า)ตรงโน้นนะ พร้อมเข็นรถเข็นออกไป จะได้ไม่เกะกะข้างใน พิมก็หยิบกระเป๋าใส่อุปกรณ์เปลี่ยนแพมเพิสและอุ้มเฟรย่าเข้าไป
  ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนนึง เดินมาจากอีกทาง เข้ามาห้องให้นมพอดีเหมือนว่าเพิ่งเคยใช้เป็นครั้งแรก
  เค้าอ่านป้ายหน้าห้องว่า "เฉพาะสุภาพสตรี" พร้อมกับหันหลังมาโบกมือให้กับสามีที่เข็นรถเข็นตามมาด้านหลังว่า .. "เข้ามาเร็ว"
  ผู้เป็นสามี ถามกับภรรยาว่า 'เค้าให้เฉพาะผู้หญิงนะ เข้าได้เหรอ?' 'ไม่เป็นไร เข้ามาๆ' ผู้เป็นแม่กวักมือเรียกให้สามีเข็นรถเข็นทั้งคันเข้ามาในห้อง
  พิมทำการเปลี่ยนแพมเพิสระหว่างที่ผู้หญิงคนนี้รออยู่ด้านหลัง พร้อมเสียงของลูกเค้าที่ร้องงอแง ภายในห้องให้นม มีห้องที่เป็นผ้าม่านกั้น (มีผ้าม่านกั้นแต่จะเห็นตรงมุมซ้ายและขวา) 2 ห้อง ห้องแรกมีคนกำลังให้นมลูกอยู่และดูเหมือนว่าลูกเค้าจะไม่ยอมกินนม อาจจะเพราะเสียงที่รบกวนหรืออะไรสักอย่าง
 ห้องที่สองที่ยังว่างอยู่ พิมจึงพาเฟรย่าเข้าไปในห้องเพื่อให้ลองกินนมดู ห้องให้นมจะเป็นเก้าอี้ที่หันหน้าออกไป และจะเห็นบริเวณโซนเปลี่ยนแพมเพิสชัดเจน ซึ่งแน่นอน พิมต้องมองเห็นผู้เป็นพ่อที่กำลังเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูกของเค้าพร้อมกับเดินไปเดินมาหยิบอุปกรณ์เปลี่ยนแพมเพิสที่อยู่ในรถเข็นด้วย ซึ่งแปลว่าเค้ามองเห็นห้องพิมและห้องของแม่อีกคนนึง
  เฟรย่าไม่ยอมกินนม พิมจึงตัดสินใจลุกออกจากห้องดีกว่า หลังจากที่ออกมาข้างนอกแล้ว พิมก็เลือกเสื้อผ้าอยู่กับวิทตี้ ซึ่งบริเวณร้านสามารถมองเห็นห้องให้นมได้พอดี ระหว่างที่พิมกำลังบ่นให้วิทตี้ฟัง (และบ่นตัวเองว่าทำไมไม่ไปว่าเค้าน้าาา) หญิงสาวคนนั้นก็เดินเปิดประตูออกมาจากห้องให้นมพอดี แต่.... เธอเปิดประตูค้างไว้ โดยไม่ปิดประตูห้องให้เลย ... แล้วผูห้ญิงอีกคนที่ให้นมลูกอยู่ในห้องหละ? พิมจึงเดินไปปิดประตูให้ ชะโงกหน้าเข้าไปดูผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงให้นมลูกอยู่และยังมีปัญหาว่าลูกยังไม่ยอมกินนมอยู่ๆดี
 ระหว่างนั้นวิทตี้ก็ทำการเช็คบิลและพิมต้องเดินไปที่เคาเตอร์ขอส่วนลดที่อยู่ตรงหน้าลิฟต์ ระหว่างเดินก็ชะโงกหน้าซ้ายขวาเพื่อหาผู้หญิงคนนั้นและสามีของเธอ ซึ่งก็เจอกำลังเลือกของเล่นอยู่ พิมก็คิดว่าไปขอส่วนลดน่าจะไม่นานเลยเดินไปก่อน ปรากฏว่านาน...มาก -___- คนต่อแถวไม่นาน แต่คนถาม นาน.... หันไปอีกที กะจะไปบอกผู้หญิงคนนั้นก่อนจะต่อแถวขอส่วนลด เธอก็หายไปซะแล้ว รู้สึกว่าพลาดเอง T_T โมแต่ลีลา พิมน่าจะไปเตือนเค้าตั้งแจ่แรกละ ไม่น่าเลย....
 จากนั้นเราก็เดินไปซุปเปอร์ชั้นล่าง ซื้ออาหารเสริมและโดโซะมาลอง พร้อมกับเดินเล่นเล็กน้อยเพราะคนรอรถเยอะมาก(ๆ) ก่อนจะตัดสินใจพาเฟรย่าไปตรวจที่รพ.
  พิมทำการหาข้อมูลในเน็ต ว่าแถวบ้านมีรพ.เด็กที่ไหนบ้างนะ แล้วก็ไปเจอกับ รพ.เจ้าพระยาซึ่งมีแผนกเด็กที่เปิดตลอด 24 ชม. ระยะทางก็ไม่ไกลมาก เลยเซ็นทรัลไปไม่มากนัก ค่าแท็กซี่ราวๆ 50 บาทเห็นจะได้ แต่เข้าซอยไปลึกพอสมควร แอบห่วงนิดๆว่าจะมีรถไหม๊เนี่ยขากลับ - - เพราะนี่ก็ดึกแล้วด้วย (จะสองทุ่ม)
 มาถึงก็ทำการลงทะเบียนประวัติผู้ป่วยใหม่ จากนั้นก็เดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นสอง(เอารถเข็นมาเลยต้องขึ้นลิฟต์ค่ะ) พอมาถึงก็ทำการรอสักพัก จากนั้นก็ชั่งน้ำหนัก วัดไข้กัน น้ำหนักตอนนี้ของเฟรย่าอยู่ที่ 6.6 กก. แล้วจ้า ส่วนวัดไข้มาได้ 37.4 และทำการรอคิวคุณหมอตรวจ
  หมอทำการซักประวัติคร่าวๆและลองฟังเสียงปอดดู ซึ่งก็เห็นด้วยว่ามีเสียงครืดคราดจริง แต่ด้วยความที่เฟรย่าเป็นเด็ก การที่จะบอกว่า เสียงที่ดังครืดคราดนั้น มันมาจากที่ไหน จากลำคอ? จากปอด? เป็นเรื่องที่บอกได้ยาก เบื้อต้นกต้องส่งไปดูดน้ำมูกออกก่อนแล้วกลับมาฟังเสียงอีกที ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ต้องเอ็กซเรย์ (ซึ่งเหมือนกับตอนทำที่พญาไทแหละค่ะ ปล.บอกวิทตี้ให้ลองหยอดน้ำเกลือที่บ้านดูแล้วด้วย แต่เค้าบอกว่าไม่มีน้ำมูก)
 การดูดน้ำมูกทรมานพิมมากกว่าคราวก่อนเพราะพยาบาลบอกว่า ในจมูกมีแต่น้ำมูกแห้งๆ เทน้ำเกลือลงไป ดูดกลับมาก็ได้แต่น้ำเกลือ จึงต้องเปลี่ยนมาดูดในลำคอแทน และเฟรย่าไม่ยอมไอ หรือทำเสียงแหวะ เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว จึงดูดไม่ได้และทำให้ล่าช้า >_<
  พอดูดเสร็จแล้ว ทีนี้เฟรย่าร้องไห้ใหญ่เลย เงียบไปสักพักก็ร้องใหม่ พาไปกินนมก็ร้อง ไม่ว่าจะทำยังไงก็ร้อง เห็นหน้าหมอก็ร้อง >< ดูเหมือนเฟรย่าจะจำซะแล้ววว แถมไม่ยอมให้ใครมายุ่งด้วยเลย พิมเดินไปหา(วิทตี้อุ้มแทน) ก็ร้อง จนหมอต้องบอกว่า กล่อมให้หลับก่อนดีกว่าครับ ท่าทางไม่ยอมให้หมอตรวจแน่เลย T_T หมอยังไม่ทันทำอะไรเลย แค่เอาหน้าเข้ามาใกล้นิดเดียว ร้องซะแล้ว
  ผ่านไปนานเกือบครึ่งชม. เฟรย่าก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม และไม่หลับ จนในที่สุดก็ไปสนใจและเล่นสติ้กเกอร์วัดส่วนสูงอยู่หน้าห้องดูดน้ำมูก หมอจึงย่องเบาแบบนินจามาฟังเสียงที่ปอดแทน และแจ้งว่าเสียงครืดคราดได้หายไปแล้ว เปนที่น้ำมูกนั่นเอง! เดี๋ยวหมอจะให้ยาไปสำหรับหยอด สองตัว ตัวแรกก็คือน้ำเกลือนั่นแหละ ใช้เป็นเวลา 3 วัน หยอดทุก 3 ชม. อีกตัวนึงก็เป็นยาหยอดเช่นกัน ใช้ทุก 8 ชม. (ก็คือเช้า กลางวัน เย็น) จากนั้นเฟรย่าก็หันมามอง เจอหมอ ร้องเลย >_< แง้
 จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับพยาบาลที่ต้องเอาใบเบิกยาไปส่ง ระหว่างอยู่ในลิฟต์ เฟรย่าหันไปเห็นพยาบาล ก็...ร้องอีกแล้ว แง >< 
  แล้วก็รอรับยา จ่ายเงินค่ะ (ค่ารักษาพยาบาลพิมว่าที่นี่ถูกกว่าพญาไทนะ) และรอแท็กซี่ที่ด้านหน้า ซึ่งข้างนอกฝนตกซะด้วย พวกเราแอบห่วงอยู่ว่าอยู่บนรถเฟรย่าจะร้องไหม๊เนี่ย กลัวคนขับเค้าจะรำคาญ
 การรอแท็กซี่ไม่นานอย่างที่คิด และฝนก็ตกไม่หนักมาก แค่ปอยๆค่ะ พอขึ้นรถแท็กซี่มา ปรากฏว่าเฟรย่าร่าเริง เล่น ปกติ ซะแล้ว ฮ่าๆ นึกว่าจะร้องงอแงซะละ
 พอถึงบ้านก็จัดแจงพาเฟรย่าไปทานอาหารเสริม เช็ดตัว และอุ้มหลับ คืนนี้มีตื่นมาร้องบ้างนิดหน่อย(สองสามรอบ) แต่แค่ตบก้นก็หลับแล้ว  (ทุกทีจะต้องกินนมนอนต่อ เพราะชอบตื่นมานั่งหลับตาแล้วร้องไห้ - -)
 วันนี้จึงทำให้พวกเรารู้ว่า เฟรย่าเริ่มจำเหตุการณ์ต่างๆได้แล้ว และ คงเข็ดชุดขาวของหมอและพยาบาลไปอีก...สักพักนึง >_<